เทรดเดอร์ คืออะไร : เทรดเดอร์ Forex ทำรายได้จริงไหม?
คำว่า "เทรดเดอร์" สำหรับหลายๆ คน จะมองเห็นภาพว่าเป็นผู้คนที่ยืนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โบกกระดาษและตะโกนใส่กันเสียงดัง เป็นอาชีพที่บางครั้งอาจเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์เป็นอาชีพที่ทำรายได้มหาศาลมาตั้งแต่การถือกำเนิดของอินเทอร์เน็ต
แล้ว "เทรดเดอร์ คืออะไร" อาชีพนี้ทำงานกันอย่างไร และเราจะมีโอกาสเป็นเทรดเดอร์ได้หรือไม่ ในบทความนี้ เราจะให้คำตอบโดยละเอียดสำหรับคำถามเหล่านี้ เราจะสำรวจเทรดเดอร์ประเภทต่างๆ สไตล์บางส่วนที่ใช้วิธีการเป็นเทรดเดอร์และอีกมากมาย!
เทรดเดอร์สามารถ ว่าจ้างโดย บริษัท, ธนาคารหรือผู้จัดการกองทุน แต่ก็ทำงานอิสระแบบอิสระ ไม่ว่าในกรณีใดงานจะคล้ายกันมากโดยความแตกต่างส่วนใหญ่อยู่ในข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการเข้าเรียน (การศึกษาทักษะ) และวิธีปฏิบัติงาน เราจะสำรวจความแตกต่างเหล่านี้โดยละเอียดในภายหลัง
นอกจากนี้ คำที่เกี่ยวข้องอีกคำหนึ่งคือ "โบรกเกอร์" บางครั้งอาจสับสนกับคำว่าเทรดเดอร์ ดังที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ผู้ค้าคือผู้ที่ซื้อและขายสินทรัพย์ทางการเงิน ในทางกลับกันนายหน้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการคำสั่งซื้อและขายในนามของลูกค้า กล่าวอีกนัยหนึ่งนายหน้าทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างตลาดการเงินและลูกค้า
เริ่มต้นเส้นทางเทรดเดอร์ด้วยการฝึกเทรดบนบัญชีเงินจำลอง
การเป็นนักลงทุนแบบ Full-Time จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ แม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพเองก็นิยมเข้าไปฝึกฝนในระบบบัญชีเงินจำลอง หรือที่เรียกว่า "Demo Account" อยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นระบบที่จำลองเงินขึ้นมาเพื่อใช้เทรด
- สามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริงทุกประการ
- สามารถใช้เครื่องมือเทรดและสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมแบบบัญชีจริงทุกประการ
- คำนวณกำไรขาดทุนเหมือนเงินจริงทุกประการ และคำนวณตามราคาตลาดจริงๆ
คุณสามารถฝึดเทรดได้เรื่อยๆ โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ ผ่านแพลตฟอร์ม MetaTrader 5 ที่จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบประสบการณ์การเทรดของคุณเองได้ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างเพื่อเปิดบัญชีเงินจำลองได้แล้ววันนี้ ฟรี!
เทรดเดอร์สถาบัน
เทรดเดอร์ที่ทำงานให้บรษัทที่มีแผนกเทรดต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นโบรกเกอร์หลักทรัพย์ สถาบันการเงินธนาคารกองทุนเพื่อการลงทุนและบริษัทขนาดใหญ่บางแห่ง เทรดเดอร์ประเภทนี้ทำการค้าในนามของบุคคลที่สามซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ได้ลงทุนด้วยเงินทุนของตนเอง แต่ใช้เงินที่ลูกค้ามอบให้
ภายในกลุ่มนี้มีเทรดเดอร์สองประเภทที่แตกต่างกัน ฝั่งขายและฝั่งซื้อ ผู้ค้าฝั่งขายหรือที่เรียกว่า "ผู้ค้า" การขายเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดและสามารถพบได้ในวาณิชธนกิจและบริษัทนายหน้า พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการซื้อขายหุ้น, ค่าเงิน Forex พันธบัตรและสินทรัพย์ทางการเงินอื่ๆ หรือในนามของแผนก Proprietary Trader
ในฝั่ง Buy-Side จะทำงานให้กับกองทุนป้องกันความเสี่ยง, บริษัท จัดการ บทบาทของพวกเขาคือดำเนินการตามคำสั่งซื้อที่ได้รับจากผู้จัดการเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุดจากฝั่งขาย
เทรดเดอร์ในฝั่งซื้อจะทำการตัดสินใจในการซื้อขายและการลงทุนในพอร์ตของตนเอง ในขณะที่องค์กรฝั่งขายมักจะตอบสนองหรือให้บริการฝ่ายซื้อ
เทรดเดอร์อิสระ
ประมาณ 10 ปีให้หลังมานี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีความรุดหน้าไปมาก เราสามารถเทรดได้โดยไม่ต้องเข้าไปนั่งที่บริษัทโบรกเกอร์ ทำให้เกิดนักเทรดกลุ่มใหม่ "เทรดเดอร์อิสระ" คือใช้เงินทุนตัวเองเทรดอยู่ที่บ้าน เทรดเดอร์ประเภทนี้ทำการค้าออนไลน์โดยใช้บัญชีและเงินทุนของตนเอง
เทรดเดอร์อิสระ อาจจะเชี่ยวชาญในตลาดเดียวหรือหลายๆ ตลาดก็ได้ เพราะใช่ว่าตลาดที่เปิด 24 ชั่วโมงอย่าง "Forex" จะเทรดได้ตลอดเวลา เพราะดึกๆ ไปสภาพคล่องก็หายเหมือนกัน แต่เทรดเดอร์ Forex ก็นับว่าเป็นอะไรที่นิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตามมีตลาดอื่นๆ อีกมากมายที่ผู้ค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงได้ง่ายเช่นหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์สกุลเงินดิจิทัลและอื่นๆ
สไตล์ของเทรดเดอร์
สไตล์ของเทรดเดอร์ เป็นการอธิบายวิธีการเทรดในภาพรวมของเทรดเดอร์นั้นๆ ว่าเข้าข่ายเป็นรูปแบบไหน โดยจะพิจารณาจาก "ระยะเวลา" ในการถือครองสถานะ ระยะเวลาในการพิจารณากรอบเวลา ซึ่งหลักๆ จะแบ่งเป็น
- Swing Trading
- Day Trading
- Scalping Trading
Swing Trading เป็นการซื้อขายที่อยากแนะนำให้เริ่มเป็นอันดับแรกๆ เพราะใช้เวลาน้อยที่สุดในบรรดาที่กล่าวว่า ส่วนการซื้อขายแบบรายวัน Day Trading และ Scalping นั้น ก็การซื้อขายที่แตกต่างกันสามรูปแบบซึ่งโดยหลักแล้วจะมีลักษณะตามขอบฟ้าของเวลาที่เทรดเดอร์ใช้
เทรดเดอร์แบบ Day Trader จะเทรดระหว่างวันตามชื่อที่แนะนำจะถือตำแหน่งของพวกเขาที่เปิดไม่เกินหนึ่งวันทำการ
Scalper จะซื้อขายในระยะสั้น เช่น พวกเขาถือตำแหน่งของพวกเขาในช่วงเวลาที่สั้นกว่าเทรดเดอร์รายวัน Scalpers ดำรงตำแหน่งเป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือแม้แต่วินาทีและมักใช้ระบบการซื้อขายอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่าการซื้อขายจะเข้าและออกโดยเร็วที่สุด
แต่ถ้าเป็น Swing Trading จะมีระยะเวลาในการถือครองสถานะที่ยาวกกว่า โอกาสที่จะควบคุมความเสี่ยงต่อกำไรสำหรับมือใหม่จะทำได้ง่ายกว่า สุดท้ายการซื้อขายแบบสวิงใช้เส้นขอบฟ้าระยะกลางถึงระยะยาว ผู้ค้าสวิงอาจปล่อยให้สถานะเปิดเป็นวันสัปดาห์หรือหลายเดือน
อยากเป็นเทรดเดอร์ เริ่มต้นอย่างไรดี?
ก่อนอื่นต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า อยากเป็นเทรดเดอร์ที่ต้องอยู่ภายใต้บริษัท หรืออยากจะเทรดเพื่อตัวเอง และเพื่อที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ประกอบการ หรือในสถาบันการเงิน คุณมีแนวโน้มที่จะต้องได้รับปริญญาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับตัวเลข เช่น การเงิน เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น เส้นทางสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพกับสถาบันอาจยาวและยาก ด้วยระบบอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่การซื้อขายงานเหล่านี้จึงหายากขึ้น
แต่ในทางกลับกัน หากพิจารณาไปที่ปัจจุบัน ทุกคนสามารถเริ่มเทรดออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง สามารถใช้ได้กับทุกคนที่มีคอมพิวเตอร์และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เพียงเพราะการเริ่มต้นซื้อขายออนไลน์เป็นเรื่องง่ายมากก็คงเป็นเรื่องโง่ที่จะเชื่อว่าการทำเงินด้วยการทำเช่นนั้นเป็นเรื่องง่าย
การเทรดโดยเฉพาะการเทรด Forex เป็นกิจกรรมที่ซับซ้อน จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับตลาดการเงิน และในการที่จะเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำการวิจัยของคุณ ศึกษาหาให้ความรู้เกี่ยวกับความซับซ้อนของตลาดการเงินและการซื้อขายออนไลน์ วิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้นคือการลงทะเบียนหลักสูตรการเทรดด้วยตัวคุณเอง
เทรดเดอร์ มีรายได้เท่าไหร่?
เรื่องรายได้นับว่าตอบยากและมีความหลากหลาย แต่ถ้าให้ตอบแบบกำปั้นทุบดิน คือ รายได้ขึ้นอยู่กับความสามารถ เทรดเดอร์รายย่อยเป็นกลุ่มที่แตกต่างกันมาก ทั้งในแง่ของภูมิหลังและประสบการณ์ในตลาดการเงิน ดังนั้น รายได้ของพวกเขาจึงประเมินได้ยาก ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อขายและจำนวนเงินทุนที่มีอยู่
เทรดเดอร์ ที่มีประสบการณ์ซึ่งมีพื้นฐานด้านการเงินและมีเงินทุนจำนวนมาก ก็จะมีความได้เปรียบในการลงทุน และแน่นอนว่าก็จะมีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้มากกว่าผู้ค้ามือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเงินและมีเงินทุนน้อยกว่า
เริ่มต้นฝึกฝนการเป็นเทรดเดอร์ผ่านแพลตฟอร์ม MetaTrader 5
คุณรู้หรือไม่? MetaTrader 5 หรือ "MT5" เป็นแพลตฟอร์มการเทรดชั้นนำที่มีเครื่องมือการวิเคราะห์กราฟขั้นสูง, ระบบการเทรดอัตโนมัติ ปรับแต่งเครื่องมือและกราฟได้ตามต้องการ อีกทั้ง โบรกเกอร์ Admiral Markets ยังได้เตรียมปลั๊กอินพิเศษสำหรับใช้งานกับ MetaTrader 5 ให้ฟรีๆ ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษดังต่อไปนี้
- Correlation Matrix : ตรวจสอบความแข็งแกร่งของคู่เงินทั้งกระดาน!
- Trading Simulator : ทดสอบกลยุทธ์ จุดเข้า-จุดออก ย้อนหลังจากข้อมูลราคาในอดีต
- Admiral Pivot Point : ช่วยบอกแนวรับ-แนวต้าน แบบอัตโนมัติ
- Lot-size Calculator : คำนวณราคาและปริมาณการซื้อขายได้อย่างแม่นยำ
- Candle Countdown : Indicator ตัวนับเวลาแท่งเทียน ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของตลาด
- Technical Insight™ : อัปเดตข้อมูลตลาดและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ รวมถึงการวิเคราะห์รูปแบบ Price Action
นอกจากนี้ ยังมี Widget เสริมอีกมากมายที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดให้กับคุณ โดย MetaTrader 5 แพลตฟอร์มการเทรดรุ่นพิเศษนี้ คุณสามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี! คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่าง!
เรียนรู้เรื่องการเทรดเพิ่มเติมได้ที่นี่
- ETF คืออะไร : เริ่มลงทุน ETF ตัวไหนดี
- การลงทุนใน "หุ้น USA" : ตลาดหุ้นอเมริกา มีอะไรบ้าง?
- DAX Index คืออะไร: คู่มือการเทรดหุ้นเยอรมัน DAX 30 Index
เกี่ยวกับ Admiral Markets
Admiral Markets เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ชนะรางวัลมากมาย อีกทั้งได้รับ ใบอนุญาตและกำกับดูแลจากหลายประเทศทั่วโลก โดยให้บริการซื้อขายตราสารการเงินมากกว่า 8,000 รายการผ่านแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่าง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 เริ่มเทรดเลยวันนี้
คำปฏิเสธข้อเรียกร้อง (Disclaimer) : สารสนเทศที่ได้นำเสนอ มีรายละเอียดเพิ่มเติมที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ การประเมินผลลัพธ์ การคาดการณ์และการพยากรณ์ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะของการให้ข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน (ต่อไปจะเรียกว่า "การวิเคราะห์") ซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Admiral Markets ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้
- นี่คือการสื่อสารทางการตลาด การวิเคราะห์ที่ถูกเผยแพร่ไปนั้น มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำทางด้านการลงทุน ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน (Independence of Investment Research) และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใดๆ เกี่ยวกับการจัดการล่วงหน้าในการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน
- การตัดสินใจลงทุนใดๆ ของลูกค้า เป็นการตัดสินใจแต่โดยลำพังของลูกค้าเอง Admiral Markets จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นผลจาก "การวิเคราะห์" หรือไม่ก็ตาม
- การวิเคราะห์นี้ จัดทำขึ้นโดยนักวิเคราะห์อิสระ (Jens Klatt, นักวิเคราะห์ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้แต่ง")
- เพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ของลูกค้าจะได้รับการคุ้มครอง ในขณะที่เป้าหมายในการจัดทำการวิเคราะห์ที่ดีก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ Admiral Markets จึงได้กำหนดกระบวนเป็นการภายในเพื่อป้องกันและจัดการกับความขัดแย้งกันทางผลประโยชน์ (Conflicts of Interest)
- เราได้พยายามอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่า แหล่งที่มาทั้งหมดของการวิเคราะห์ มีความน่าเชื่อถือและได้นำเสนอข้อมูลทั้งหมดเท่าที่จะเป็นไปได้ เข้าใจได้ง่าย แม่นยำ ทันเวลาหรือไม่ล้าสมัย อย่างไรก็ตาม Admiral Markets ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลที่อยู่ในการวิเคราะห์ ตัวเลขที่นำเสนอหรืออ้างถึงผลลัพธ์ในอดีต ไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
- ข้อมูลที่นำเสนอในการวิเคราะห์ ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำการลงทุน คำให้สัญญา หรือการรับประกันจาก Admiral Markets ว่า ลูกค้าจะได้กำไรจากกลยุทธิ์หนึ่งๆ อย่างแน่นอน หรือสามารถจำกัดการขาดทุนได้
- การใช้เครื่องมือทางการเงินก่อนหน้านี้หรือแบบจำลองใดๆ ที่ระบุไว้ในเอกสารเผยแพร่ไม่ควรตีความว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่จะรับประกันอย่างแน่นอน หรือโดยพฤตินัย จาก Admiral Markets เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะไม่มีการรับประกันมูลค่าของเครื่องมือทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง
- ผลิตภัณฑ์เลเวอเรจ (Leveraged products) รวมถึงสัญญาเพื่อส่วนต่าง "CFD" โดยธรรมชาติถือเป็นเครื่องมือในการเก็งกำไร ซึ่งอาจทำให้เกิดการขาดทุนหรือกำไร ก่อนที่คุณจะเริ่มลงทุน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณได้เข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงเป็นอย่างดีแล้ว