Cryptocurrency คืออะไร และ Trend โลก Cryptos ในปี 2024 มีอะไรบ้าง?

Tee Arjchaidan
24 นาที

ราคา Bitcoin ที่พุ่งขึ้นแบบทะลุอวกาศในปี 2024 นี้ ทำให้เกิดความสนใจในการเทรด Cryptocurrency เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ สกุลเงินดิจิทัลถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็นในการลงทุน Cryptocurrency ได้ถี่ถ้วนเสียก่อน

ซึ่งบทความนี้ จะเป็นคู่มือในเบื้องต้นสำหรับคนที่อยากจะเริ่มเทรด Cryptocurrency ตั้งแต่การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ ไปจนถึงวิธีการซื้อขายในแพลตฟอร์มการเทรด

Cryptocurrency คือ

Cryptocurrency หรือ สกุลเงินดิจิทัล คือ สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีการเข้ารหัส ใช้โค้ดคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าผ่านอินเทอร์เน็ต มีราคากลางในการซื้อขายแปรผันตามกลไกตลาด แต่เพราะไม่ได้มีลักษณะทางกายภาพเหมือนเช่นสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) ของแต่ละประเทศที่มีการตีพิมพ์ธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์ออกมา ทำให้บางครั้ง เราก็เรียก สกุลเงินดิจิทัล ว่า "สกุลเงินเสมือน" หรือ Virtual currency

วิธีการทำงานของสกุลเงินดิจิทัล

Cryptocurrency จะไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมหรือจัดการโดยหน่วยงานทางการเงินสากลใด ๆ และไม่มีรัฐบาลใดเป็นเจ้าภาพในการผลิตจำนวนเหรียญของสกุลเงินดิจิทัล โดยสกุลเงินเสมือนดังกล่าวนี้ จะทำงานอยู่บนระบบที่สามารถควบคุมตัวมันเองได้ เรียกว่า "บล็อกเชน" (Blockchain)

Cryptocurrency ทำงานบนเทคโนโลยีเครือข่าย Blockchain ซึ่งทำให้การมีอยู่ของเหรียญ Cryptocurrency แต่ละเหรียญนั้น จะถูกบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐานว่า “ใครเป็นเจ้าของ” เหรียญนั้น ๆ โดยจะเป็นการบันทึกร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายดังกล่าว (Peer)

หลักการพื้นฐาน คือ เมื่อมีการบันทึกข้อมูลในแต่ละชุด หรือ "ในแต่ละบล็อก" ตัวระบบ Blockchain จะมีการ "ส่งสัญญาณ" หากันในเครือข่าย เพื่อให้ทุกคนในเครือข่ายรับรู้และรับรองความต้องถูกต้องของธุรกรรมหรือข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ ข้อมูลแต่ละชุดนั้น จะมีการเข้ารหัสหรือที่เรียกว่า "Cryptography" ไว้

การที่ทุกคนสามารถเข้าถึง มีส่วนในการรับรู้ บันทึก และรับรองความถูกต้องของธุรกรรมทั้งหมดในเครือข่ายได้นั้น เราเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า "การบันทึกธุรกรรมแบบกระจายศูนย์" ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Distributed Ledger Technology (DLT) หรือ เราอาจเรียกมันว่า การบันทึกข้อมูลแบบ "หลาย ๆ เครื่อง" ในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ เราอาจสรุปคุณลักษณะของ Cryptocurrency อย่างสั้น ๆ ได้ดังต่อไปนี้

  • Cryptocurrency ปัจจุบัน ได้รับการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง
  • Cryptocurrency ทำงานบนระบบ Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีกระจายศูนย์ หรือ Distributed Ledger Technology ทำให้ทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับรองความถูกต้องของข้อมูล

สำหรับท่านที่มีความรู้อยู่แล้ว และต้องการมองหาโบรกเกอร์เพื่อเทรด Cryptocurrency คุณสามารถทดลองใช้งานแฟลตฟอร์มการเทรดและระบบ "บัญชีเงินจำลอง" เพื่อเรียนรู้วิธีการเทรดได้ฟรี คลิกที่ปุ่มด้านล่าง

เปิดบัญชีเทรด Cryptocurrency

ประวัติ Cryptocurrency

ต้นกำเนิดของ Cryptocurrency ที่ทั่วโลกยอมรับหรือพอจะสืบสาวกลับไปได้จริง ๆ จะเริ่มต้นในปี 2009 จากการเปิดตัวเหรียญ Bitcoin พัฒนาโดยบุคคลปริศนาที่ใช้ชื่อว่า "Satoshi Nakamoto" โดย Bitcoin มีลักษณะที่เรียกว่า Proto-Cryptocurrency ในตอนนั้น Bitcoin นำเสนอตัวเองในฐานะที่เป็นเพียง 'ระบบการชำระเงิน' เท่านั้น (Electronic Payment System) แต่เป็นระบบการชำระเงินที่มี 'Cryptographic Proof' หรือการยืนยันธุรกรรมร่วมกัน ซึ่งนั่นมันก็คือ Blockchain นั่นเอง

ระบบการชำระเงินอย่าง Bitcoin ที่มีพื้นฐานอยู่บนเทคโนโลยี Blockchain ทำให้คนเชื่อมั่นที่จะใช้มันในฐานะ "เครื่องมือสะสมมูลค่า" เพราะความโปร่งใสและไม่มีใครสามารถเข้ามาควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่เว้นแม้แต่ธนาคารกลางหรือรัฐบาลของประเทศใด นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นและทำให้ทุกคนยอมรับว่า Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก

เหตุผลที่ทำให้คนทั่วโลกเริ่มสนใจ Cryptocurrency มากขึ้น คือ การกำเนิดของสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อีกมากมายนอกเหนือจาก Bitcoin เพราะนักพัฒนามองเห็นโอกาสในการเป็นสกุลเงินทางเลือก, การเป็นช่องทางการโอนเงินที่รวดเร็วกว่า, เป็นเครื่องมือในการปกป้องเงินเฟ้อ รวมถึงใช้เป็นเครื่องมือการระดมทุนออนไลน์ต่าง ๆ (การทำ ICO) สกุลเงินเกิดใหม่ที่ได้รับความนิยม เช่น Litecoin, Ethereum เป็นต้น

จุดเปลี่ยนสำคัญ คือ ปี 2017 ที่มีการเปิดให้สามารถซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (Future) ในเหรียญ Bitcoin ผ่านตลาด CME และ CBOE ได้ ซึ่งเท่ากับว่า เป็นการรับรองให้ Bitcoin อยู่ในตลาดที่ถูกกฎหมาย (Regulated) ไปโดยปริยาย

Bitcoin, Weekly - Disclaimer : กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals (CFDs, ETFs, Shares) สถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

ภาพด้านบนคือกราฟราคา Bitcoin (BTCUSD) ในโปรแกรมเทรด (MetaTrader 5) ของ Admirals โดยขยับจากจุดต่ำสุดราว ๆ 600 USD ไปสู่จุดสูงสุดที่ 19,500 USD หรือมากกว่า 30 เท่า ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีเท่านั้น

แนวโน้มปี 2024 ของ Cryptocurrency มีอะไรบ้าง

เทคโนโลยี Blockchain นั้นพัฒนาไปเร็วมาก และยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเสริมอีกหลาย ๆ อย่าง แต่สำหรับปี 2024 มี Trend ที่ก่อรูปก่อร่างได้อย่างน่าสนใจ ดังที่อธิบายต่อไปนี้

1 - การแข่งขันที่ดุเดือดของธุรกิจ Wallet

การลงทุนใน Cryptocurrency ที่ดีนั้น คุณควรมีความเข้าใจพื้นฐานว่า เหรียญที่คุณซื้อไว้นั้นจะถูกเก็บไว้ที่ไหน ถ้าคุณซื้อจากกระดานเทรด แปลว่า เหรียญของคุณจะถูกฝากไว้กับแพลตฟอร์ม หรือหากเป็นการเทรด Cryptocurrency กับโบรกเกอร์ Admirals จะเป็นโบรกเกอร์ที่ช่วยดูแลสัญญาเช่นกัน

แต่แนวโน้มที่นักลงทุนจะใช้ "กระเป๋าส่วนตัว" นั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะข้อดีของ Wallet แบบนี้ คือ คุณจะมีอิสระในการเข้าใช้งานแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น MetaMask ที่กระเป๋าใบเดียวสามารถเข้าใช้งานแพลตฟอร์ม DeFi, Gaming บนเครือข่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น BSC, Ethereum, Polygon ฯลฯ ได้อย่างอิสระ

มีแนวโน้มว่าในปี 2024 จะมี Wallet ใหม่ๆ ออกมาให้คุณได้ทดลองใช้ และจะเน้นไปทาง Mobile Wallet มากยิ่งขึ้น รับกับกระแส Crypto Payment ที่เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม รวมถึงประเทศไทยเอง ที่แม้จะโดนเบรคไปบ้างก็ตาม

ฐานผู้ใช้งานยังเป็นตัวแปรสำคัญของทุกธุรกิจ โดยหาก Wallet ที่ฐานผู้ใช้งานเยอะ ก็หมายถึงค่าธรรมเนียม และโอกาสที่ดีกว่าในการร่วมมือทางธุรกิจกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ คุณควรหาโอกาสมัครเข้าทดลองระบบก่อนเปิดใช้งานจริง เพราะนั่นอาจทำให้คุณได้รับ Airdrop หรือ "เหรียญฟรี" จากการเข้าไปทดลองใช้งาน หรืออาจเป็นสิทธิในการเข้าลงทุนเหรียญของ Wallet ของจะมี Public Sale ก็เป็นได้

แพลตฟอร์มที่เป็นที่พูดถึง เช่น

  • Metamask
  • Phantom ในเครือข่าย Solana
  • Kasta ที่มีเครือข่าย Influencer ชื่อดังให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก

2 - Cross-Chain คืออนาคต!

Interoperability หรือ ความสามารถในการทำงานร่วมกัน เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมาหลายปีแล้วในวงการ Cryptocurrency อธิบายง่าย ๆ คือ การที่เครือข่าย Blockchain มากกว่า 2 เครือข่ายสามารถส่งข้อมูลหรือมูลค่าระหว่างกันได้ นี่คือสิ่งที่ Blockchain ยังไปได้ไม่ถึงอย่างเต็มขั้น ตรงนี้เกิดจากสถาปัตยกรรมของ Blockchain ที่ปฏิเสธ 'ผู้มีอำนาจกลาง' ซึ่งในทางเทคนิคจะเกิดข้อจำกัดสำหรับการสื่อสารข้ามเครือข่าย

ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ Cosmos ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2016 เป็นหนึ่งในรากฐานของเทคโนโลยี Cross Chain โดยแนวคิดคือการพยายามทำให้เทคโนโลยี Blockchain มีความซับซ้อนน้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังพยายามแก้ปัญหาสุดคลาสสิก "ช้า แพง ยุ่งยาก" ซึ่งนั่นก็หมายถึง จุดเริ่มต้นของ Ethereum ที่เป็นอีกหนึ่งรากฐานหลักของวงการ Cryptocurrency โดยเครือข่าย Ethereum ที่ต้องให้ 'ลูกข่าย' ทั้งหมดช่วยยืนยันธุรกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้มีความเชื่องช้า และมีค่าธรรมเนียมสูง

อย่างไรก็ตาม Ethereum ก็มีวิธีการแก้ปัญหาในแบบของตัวเองที่เราอาจจะได้ยินรหัสที่เรียกว่า EIP หรือ Ethereum Improvement Proposal เวอร์ชั่นต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น Cosmos ก็เป็นทางเลือกที่ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับโลกของ Interoperability กรณีการใช้งานที่ประสบความสำเร็จของ Cosmos คือ เครือข่าย Terra ที่ใช้เทคโนโลยีของ Cosmos จนมูลค่าตลาดแซงหน้าขึ้นไปแล้ว

นี่อาจเป็นหนึ่งตัวอย่างที่บอกได้ว่า Cosmos จะเป็นสิ่งที่ทำให้โลกของ Cryptocurrency สามารถแพร่หลายได้มากกว่านี้ในอนาคต และนี่ก็เป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี 2022 - 2023 อีกด้วย เพราะนักพัฒนาที่เชี่้ยวชาญนั้นอาศัยอยู่ทั่วมุมโลก คู่แข่งที่พัฒนาเครือข่ายให้สามารถ Cross-Chain Compatibility จะมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

แพลตฟอร์มที่เป็นที่พูดถึง เช่น

  • Polkadot (DOT)
  • Darwinia Network (RING)

3 - Metaverse ที่ยังไม่มีผู้ชนะ

Metaverse คือ โลกจำลอง หรืออาจเรียกว่า "พื้นที่เสมือน" และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในโลก Metaverse ก็คือ "มนุษย์" ในโลกความจริงที่ใช้อีก "ตัวตนเสมือน" ของแต่ละคน ล็อกอินเข้าระบบออนไลน์เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่เสมือนดังกล่าว มนุษย์สามารถใช้ตัวตนเสมือนเข้าไปปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ใน Metaverse นั้น ๆ

เราอาจเรียกได้เหมือนกันว่าเกมออนไลน์จำพวก MMORPG ก็มีลักษณะของ Metaverse เพียงแต่ไม่ได้มีการ 'เชื่อมต่อโลกจริงกับโลกเสมือน' แบบที่ Metaverse ในอุดมคติควรจะเป็น เช่น มีการใช้งานเทคโนโลยี VR เหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกนั้น ๆ จริงแบบในภาพยนตร์ Ready Player One หรือการทำงานและมีระบบเศรษฐกิจต่างหากในโลกของ Metaverse

Metaverse ไม่ใช่แนวคิดใหม่ เพียงแต่เมื่อถึงเวลา ณ ปัจจุบัน ที่ทุกอย่างเอื้ออำนวย และสายธารแห่งเทคโนโลยีวิ่งเข้ามาบรรจบกัน โลกของ Metaverse จึงเป็นรูปแบบร่างมากขึ้น

Cryptocurrency คือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้โลกของ Metaverse ดำเนินอยู่ต่อไปได้อย่างราบรื่น อาจจะไม่ใช่ปัญหาหากเราแค่ต้องการเข้าไปเดินเล่น สำรวจดินแดน พบปะพูดคุยกับคนแปลกหน้า แต่หากเราต้องการแลกเปลี่ยนมูลค่า ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในโลกเสมือนดังกล่าวนั้น ก็จำเป็นต้องมี "สื่อกลาง" ในการแลกเปลี่ยน ซึ่งนั้นก็คือเงิน และเงินในที่นี่ก็คือ Cryptocurrency ในระบบนั้น ๆ เช่น โดยทั่วไปการซื้อที่ดินของ SandBox จะใช้เหรียญที่ชื่อว่า 'Sand' ในการแลกเปลี่ยน

แต่ความสำเร็จของ SandBox ก็คล้าย ๆ กับประเด็นที่เราอธิบายในเรื่อง Cross-Chain ข้างต้นนั้น ที่สุดท้ายแล้ว อุตสาหกรรมจะมีคู่แข่งที่เก่งกาจเกิดขึ้นมาใหม่อยู่เสมอ แต่อุตสาหกรรม Metaverse ยังใหม่มาก และมีพื้นที่ให้ได้เติบโตขึ้นอีกเยอะ ใคร ๆ ก็อยากสร้าง Metaverse ของตัวเอง และ "ในแบบของตัวเอง" ดังนั้น ใน Sector จะกลายเป็นหนึ่งใน Sector ที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลกของ Cryptocurrency

นอกจาก SandBox (Sand) โปรเจค Metaverse ที่กำลังเกิดใหม่และระดมทุนไปได้มหาศาลนั้นมีเยอะมาก ที่ได้รับการพูดถึงบ่อย ๆ เช่น

  • Bloktopia (BLOK)
  • Dvision Network (DVI)

4 - Dao's กับประชาธิปไตยที่แท้จริง

DAO ในวงการ Cryptocurrency ย่อมาจาก Decentralized Autonomous Organization หมายถึง องค์กรที่ไม่มีศูนย์กลางและดำเนินการได้ด้วยตัวมันเอง ซึ่งเทคโนโลยีที่ทำให้เกิด DAO ได้ก็คือ Blockchain นั้นเอง โดย 'Organization' ในที่นี้ก็คือการรวมกลุ่มของคนที่เป็นคนจริง ๆ เข้ามารวมตัวกัน มีสินทรัพย์ร่วมกัน มีพื้นที่คุยกัน และตัดสินใจด้วยการโหวตของคนในชุมชน ซึ่งทั้งหมดนี้ดำเนินการผ่าน Blockchain ทั้งสิ้น

จุดกำเนิดของ Cryptocurrency ก็คือเรื่อง "Decentralization" อยู่แล้ว แต่เป็นโครงการใหญ่ที่เน้นพัฒนา Cryptocurrency โดยคนในเครือข่ายอาจมีส่วนร่วมในการโหวตเพื่อปรับปรุงระบบต่าง ๆ ของเครือข่ายควรจะไปทิศทางไหน

ในช่วงหลัง ๆ มีการกำหนดวัตถุประสงค์ขึ้นมาเป็นตัวตั้งก่อน และเป็นวัตถุประสงค์ในสเกลที่เล็กลง มีความหลากหลายทางด้านความต้องการ และมีความเฉพาะกลุ่มมากขึ้น แล้วจึงระดมทุนตั้งเป็น DAO ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับ "อยากเปลี่ยนโลก" แบบที่ชาว Cryptocurrency ชอบพูดกัน

การกำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะที่ชัดเจน เช่น MetaCartel Venture DAO ที่นำสินทรัพย์ที่ระดมทุนมาได้เข้าไปลงทุนที่เน้นใน dApps ที่อยู่ในช่วง 'Early Stage' หรือกรณีที่เป็นที่พูดถึงอย่างมาก เพราะมีการเชื่อมโยงกับสิทธิในที่ดินจริง ๆ อย่างโครงการ CityDao ที่แม้แต่ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum ก็ได้เข้าซื้อ NFT ของ CityDao เพื่อสิทธิในโครงการดังกล่าวอีกด้วย

แนวโน้มของวงการ Cryptocurrency ในปี 2024 โดยเฉพาะโปรเจคที่พัฒนาออกมาใหม่นั้น เชื่อว่าจะมุ่งพัฒนาโดยมีโมเดลของ DAO เข้ามาเกี่ยวข้อง อาจไม่ใช่ลักษณะการตั้งกลุ่ม DAO เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง แต่หมายถึง การที่ dApp จะกระจายอำนาจการโหวตให้กับชุมชน เช่น กรณีของ Launchpad อาจมีการโหวตให้เลือกได้ว่า จะนำโปรเจคไหนมาเสนอขาย IDO ซึ่งจากเดิมที่เจ้าของแพลตฟอร์มจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด

5 - GameFi และระบบ Play to Earn ที่ยั่งยืน

GameFi เป็นอะไรที่ทับซ้อนกับ Metaverse ค่อนข้างมาก เพราะเกมก็คือการใช้พื้นที่ในโลกเสมือน และจริง ๆ แล้ว ต้องบอกว่า GameFi เป็นส่วนเล็ก ๆ ของโลกที่เรียกว่า Metaverse โดยการนำเรื่องของ 'การเงิน' มาบรรจบกับการเล่นเกม จึงเป็นการรวมคำระหว่าง Gaming และ DeFi ซึ่งคำหลังหมายถึง ระบบการเงินที่ไร้ศูนย์กลาง ซึ่งหมายถึงการใช้ Cryptocurrency นั่นเอง

GameFi ถือว่าได้จุดกระแส Cryptocurrency ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะมันทำให้เห็นถึง 'การใช้งานจริง' หรือ Use Case ของเทคโนโลยี Blockchain โดย GameFi จะออกแบบลักษณะของเกมให้ผู้คนเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ เข้ามาเล่นเกมโดยมีผลตอบแทนเป็นเหรียญดิจิทัลของเกมนั้น ๆ และเกมที่มีชื่อเสียงโด่งดังและสร้างรายได้ให้กับผู้เล่นเป็นจำนวนมาก คือ Axie Infinity (AXS)

การ Play to Earn ทำให้มีจำนวนเหรียญถูกปล่อยออกมาเรื่อย ๆ และนั่นมีแนวโน้มทำให้มูลค่าของเหรียญเสื่อมค่าลงเรื่อย ๆ นี่เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการสร้างเกมบน Blockchain ที่ระบบ Play to Earn และแม้แต่ฝั่งของ Axie Infinity ก็มีการพัฒนาในเรื่องดังกล่าวอยู่เสมอ และนี่คือแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น จะมีเกมใหม่ ๆ ที่พัฒนา Tokenomics ให้มีความยั่งยืนและเกิดการเสื่อมค่าของ Cryptocurrency ให้ได้น้อยที่สุด และเกมที่ได้รับการจับตามองอย่างมากนอกจาก AXS เช่น

  • Gala (GALA)
  • ATLAS logo
  • Star Atlas (ATLAS)

นอกจากนี้ แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับวงการเกม คือ วิธีการใหม่ ๆ ในการได้รับเงิน เช่น การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ออกกำลัง เพื่อวัดว่า เราได้ออกกำลังไปมากแค่ไหน และระบบจะคำนวณเงินออกมาให้เรา ปัจจุบันเรียกว่า Move to Earn เช่น Genopets เป็นต้น

ลงทุน Cryptocurrency

การเทรด Cryptocurrency

การเริ่มเทรด Cryptocurrency เราต้องเทรดผ่านโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรการเงินระหว่างประเทศ หรือหากคุณต้องทดสอบวิธีการใช้โปรแกรมเทรด คุณอาจเข้ารับบัญชีทดลอง (ระบบเงินจำลอง) กับทางโบรกเกอร์ Admirals ก่อนก็ได้ ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยหัวข้อต่าง ๆ เกี่ยวกับการเริ่มเทรด จะมีดังต่อไปนี้ (คนที่รู้จัก MT5 แล้ว สามารถข้ามหัวข้อนี้ได้)

  • วิธีการเปิดบัญชีทดลองเพื่อศึกษาระบบ (ไม่ต้องใช้เงินจริง)
  • เริ่มต้นใช้งานแพลตฟอร์มการเทรด Cryptocurrency
  • วิธีซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเบื้องต้นใน MT5
  • ทำไมระบบซื้อขายของ Admirals ถึงไม่มีล่ม

วิธีการเปิดบัญชีเงินจำลองเพื่อทดลองเทรด Cryptocurrency

บัญชีทดลอง หรือ "ระบบเงินจำลอง" (Demo Account) ทำให้คุณสามารถเสกเงินปลอมเพื่อใช้ในการเทรดสินทรัพย์ใดๆ ก็ได้ ที่อยู่ในโบรกเกอร์ Admirals ซึ่งมีทั้ง Cryptocurrency และตราสารต่าง ๆ ในตลาดหุ้นหรือตลาดค่าเงินอีกด้วย โดยเมื่อคุณกดเข้าที่หน้าเปิดบัญชี ระบบจะให้กรอกเพียงอีเมลและชื่อ ก็สามารถรับรหัสเข้าเทรดได้ทันที

ลิงก์และรหัสสำหรับเข้าโปรแกรมที่ใช้ในการเทรด Cryptocurrency จะถูกส่งไปยังอีเมลของคุณ เมื่อคุณดาวน์โหลดโปรแกรมการเทรดและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้คุณ Login ด้วยรหัสที่ได้รับในอีเมล คุณจะพบกับหน้าตาของโปรแกรมเทรด Cryptocurrency ตามภาพด้านล่าง

Disclaimer: กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals และสถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

เริ่มต้นใช้งานแพลตฟอร์มการเทรด Cryptocurrency

แถบซ้ายมือที่เขียนว่า Market Watch คือ หน้าต่างแสดงสินค้าที่เราจะเทรด แต่คนจะเห็นว่า เริ่มต้นจะมีสินค้าอยู่ไม่กี่ชนิด นั่นเพราะว่าตราสารทั้งหมด Admirals มีทั้งหุ้น, ดัชนีหุ้น, กองทุน ETF ฯลฯ รวมกันมากกว่า 4,000+ ตราสาร จึงไม่ได้แสดงทั้งหมด

นักลงทุนจึงต้องเพิ่มตราสารที่สนใจด้วยตัวเอง โดยหากคุณต้องการให้โปรแกรมแสดงรายชื่อ Cryptocurrency ทั้งหมด ให้คุณทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. ให้สังเกตแท็บ Market Watch ในหมายเลข [1] ตรงนี้คือแท็บรวมรายการตราสารที่เราต้องการจะเทรด ให้เราคลิกขวาตรงพื้นที่ว่างสีขาว ๆ จะแสดงเมนูต่าง ๆ ขึ้นมา
  2. คลิกที่ Symbols ตามหมายเลข [2] ดังภาพด้านบน

เมื่อคุณคลิก Symbols จะปรากฏหน้าต่าง Symbols แยกต่างหากออกมาดังภาพด้านบน ซึ่งจะเห็นว่า โบรกเกอร์ Admirals ได้แยกหมวดหมู่ตราสารหลัก ๆ ไว้ถึง 11 หมวดหมู่ Cryptocurrency เป็น 1 ในหลายพันตราสารที่ Admirals ให้บริการกับลูกค้า ทั้งนี้ เมื่อคุณสำรวจจนพอใจแล้ว ให้คุณดับเบิลคลิกที่รายชื่อสกุลเงินดิจิทัลนั้น ๆ

วิธีซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเบื้องต้นใน MT5

โดยขั้นตอนที่ [1] ให้เลือก Cryptocurrency หรือหุ้นที่เราสนใจ แล้วคลิกที่ Chart Window ในหมายเลข [2] จากนั้นแพลตฟอร์มจะแสดงกราฟ Cryptocurrency ขึ้นมาเพื่อแสดงราคาปัจจุบัน

Disclaimer: กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals และสถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

ให้ดูภาพด้านล่าง จะเห็นว่า เมื่อเราได้กราฟ Cryptocurrency แล้ว วิธีการซื้อแบบง่ายที่สุดคือปุ่ม ปุ่ม New Order ในหมายเลข [1] แต่ทั้งนี้จะสังเกตเห็นว่า ในหมายเลข [2] จะเป็นปุ่มลัดในการซื้อหุ้นจากกราฟราคาได้ทันที ซึ่งถ้าใครไม่มีปุ่ม Sell-Buy ด้านบนซ้าย ก็สามารถกดปุ่มเรียกแท็บซื้อขาย One-Click ได้ทันทีด้วยการกดปุ่ม Alt+T หรือคลิกที่พื้นที่ว่างแล้วเลือก One Click Trading ดังภาพ

หลังจากที่คุณกดปุ่ม New Order ตามตัวอย่างด้านบนแล้ว คุณจะเจอหน้าต่างส่งคำสั่งการเทรด Crypto currency ตามภาพข้างล่าง โดยในหมายเลข [1] คือ Volume ซึ่ง 1.00 จะเท่ากับ 1 หุ้น หรือในกรณีนี้ คือ 1 BTC นั่นเอง ซึ่งในหมายเลข [2] จะแสดงจำนวนเต็มแจ้งเตือนเราเสมอ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการใส่ Volume ผิด

ใน [3] จะเป็นการใส่คำสั่ง Stop loss หรือ Take profit ไว้ล่วงหน้า ซึ่งนี้เป็นข้อดีที่เหนือกว่ากระดานเทรดทั่วไป และสุดท้ายในหมายเลข [4] คือปุ่มส่งคำสั่งซื้อขายซึ่งจะเห็นว่าเราสามารถ Sell หรือ Buy ได้ทันที ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นหรือขาลง

Disclaimer: กราฟราคาที่แสดง ณ ที่นี้ ใช้เพื่อประกอบการศึกษาเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำหรือคำชักชวนให้มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ที่ให้บริการโดย Admirals และสถิติในอดีตไม่สามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้

ทำไมระบบซื้อขายของ Admirals ถึงไม่มีล่ม

Cryptocurrency ในกระดานเทรดทั่วไป มันมีการประมวลผลธุรกรรมที่ช้า ต้องมีการตั้งราคาซื้อหรือขายไว้ล่วงหน้า รอจนกว่าจะมีคนมา Match กับคำสั่งซื้อขายของ น่าจะมีปัญหาอย่างมากเมื่อตลาดมีสภาพคล่องที่ต่ำ ทำให้เกิดการกระชากของราคา ในทางตรงกันข้ามถ้ามีปริมาณการซื้อขายที่สูงมากผิดปกติ ก็จะทำให้ระบบล่มได้ง่าย

แต่การเทรด Cryptocurrency จะเป็นการเทรดผ่านตราสารอนุพันธ์สากลที่เรียกว่า CFD (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ : CFD คืออะไร) ซึ่งจะลบข้อเสียทั้งหมดของกระดานเทรดออกไป เนื่องจากจะใช้สถาบันการเงินระหว่างประเทศเป็นผู้ให้สภาพคล่อง (Liquidity Provider) ทำให้ Match คำสั่งซื้อขายได้ทันทีและระบบจะไม่ล่ม เนื่องจาก CFD จะเชื่อมต่อกับ Liquidity Provider ซึ่งมีข้อกำหนดว่า ต้องเป็นธนาคารรายใหญ่ในระดับสากลเท่านั้น

นอกจากนี้ ข้อดีของการเทรด Cryptocurrency บนตราสาร CFD กระดานเทรดปกติก็คือ คุณสามารถเปิดคำสั่ง Sell เก็งกำไรในแนวโน้มขาลงได้ทันที โดยที่ไม่จำเป็นต้องถือสกุลเงินดิจิตอลอยู่ในมือ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเดียวกันกับการเปิด Short Position ในตราสาร Future นั่นเอง (แต่ CFD เหนือกว่าที่สามารถถือสัญญาได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้อง Rollover สัญญา)

และสำหรับท่านที่รู้สึกว่าพร้อมแล้ว อยากเริ่มลงสนามจริง ๆ แล้ว เราขอแนะนำ Simulator การเทรด ที่แม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพเองก็นิยมเข้าไปฝึกฝนในระบบบัญชีเงินจำลองนี้ หรือที่เรียกว่า "Demo Account"

  • สามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริงทุกประการ
  • สามารถใช้เครื่องมือเทรดและสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมแบบบัญชีจริงทุกประการ
  • คำนวณกำไรขาดทุนเหมือนเงินจริงทุกประการ และคำนวณตามราคาตลาดจริงๆ

ไม่ว่าคุณจะเทรด Cryptocurrency, ดัชนีหุ้น Nikkei, ค่าเงินดอลลาร์ ฯลฯ คุณก็สามารถฝึดเทรดได้เรื่อยๆ โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ ผ่านแพลตฟอร์ม MetaTrader 5 ที่จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบประสบการณ์การเทรดของคุณเองได้ คลิกที่ปุ่มด้านล่าง!

ทดลองเล่นบัญชี Demo

ลงทุนสกุลเงินดิจิตอลแบบอื่น ๆ

เมื่อคุณพูดถึง Cryptocurrency จะเห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ใช้คำว่า “เก็งกำไร” ซึ่งก็ดูเหมือนว่าสกุลเงินดิจิทัลจะเกิดมาเพื่อสิ่งนั้น (อย่างน้อยก็ในระยะนี้) การเทรดเพื่อเก็บกำไรส่วนต่างจากราคา เป็นหนทางที่ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตาม คนที่มองหาวิธีการลงทุน ที่หมายถึง Investment จริง ๆ แล้วล่ะก็ อาจมีอยู่ 2 อย่าง

  • ขุด Cryptocurrency
  • กองทุน ETF ที่ลงทุนใน Cryptocurrency & Blockchain

ขุด Cryptocurrency

ต้องย้อนกลับไปว่า Cryptocurrency อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งก็เป็น "บล็อกข้อมูล" หลาย ๆ บล็อกมาเชื่อมกัน การจะสร้างแต่ละบล็อกหรือในขั้นตอนของการ "ยืนยันธุรกรรมร่วมกัน" นั้น ต้องอาศัยการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราเรียกการประมวลผลเพื่อให้เกิด Block นั้น ๆ ว่า "การขุด"

นักขุด Cryptocurrency จะได้รับ "เหรียญ" เช่นเหรียญ BTC เป็นค่าตอบแทนในการช่วยกันขุด โดยคอมพิวเตอร์หรือการ์ดจอที่นำมาประมวลผล จะทำการพยายามใส่ตัวแปรต่าง ๆ ที่เป็นไปได้เข้าไปในสมการเรื่อย ๆ จนกว่าจะถอดรหัสได้

ปัญหาอย่างเดียวก็คือทุกครั้งที่มีการสร้าง Block ใหม่ (เมื่อแก้สมการได้แล้ว) สมการตัวใหม่จะมีความยากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะยิ่งต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีกำลังประมวลผลสูงมาก ๆ ในการคำนวณเพื่อแก้ปัญหา หรือถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ธรรมดา ก็อาจต้องเปิดทิ้งไว้ทั้งวัน

ระบบ Blockchain ออกแบบให้การขุด Cryptocurrency คล้ายกับการทำเหมือน หรือ Mining ที่ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลในการขุดทอง และยิ่งทองคำเหลือน้อยเท่าไหร่ หรือเริ่มอยู่ลึกมากขึ้น ต้นทุนในการทำเหมืองก็ยิ่งมากขึ้น ก็เหมือนการขุด Cryptocurrency ที่ต้นทุนในการขุด คือ "ค่าไฟ" ก็จะแพงขึ้น เมื่อเทียบกับ Reward ที่เคยได้รับ

คำตอบสั้น ๆ ในเรื่องนี้ สำหรับคนส่วนใหญ่ คือ "ไม่คุ้มค่า" เพราะมีแนวโน้มที่คนส่วนใหญ่จะขาดทุน ยิ่งมีคนขุดมันขึ้นมาเท่าไหร่ ความยากในการทำเหมืองก็ยิ่งยากมากขึ้น ต้องใช้เวลานานมากขึ้นสำหรับการขุด Cryptocurrency ความสำเร็จของคนยุคแรก ๆ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับนักขุด Cryptocurrency หน้าใหม่

กองทุน ETF ที่ลงทุนใน Cryptocurrency & Blockchain

ราคาของสกุลเงินดิจิทัลแต่ละเหรียญนั้น มีความผันผวนและแปรเปลี่ยนตามกลไกราคาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับกราฟราคา

ทางเลือกของการลงทุน Cryptocurrency คือการให้มืออาชีพที่มีใบอนุญาตในการเป็น Fund Manager บริหารพอร์ตการลงทุนให้กับเรา ซึ่งนี่หมายถึงให้เราลงทุนผ่านกองทุน ETF ที่ลงทุนใน ใน Blockchain หรือ Cryptocurrency โดยรายชื่อกองทุน ETF ที่น่าสนใจ ยกมา 2 รายชื่อได้แก่

  • BLOK : ชื่อเต็มว่า "Amplify Transformational Data Sharing ETF" เป็นกองทุน ETF ที่มาแรงที่สุดแล้วในด้าน Blockchain โดยเชี่ยวชาญการลงทุนในบริษัทที่พัฒนาระบบ Blockchain ซึ่งถือว่าเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่กองทุนอื่น ๆ ยังไม่ค่อยมีแนวทางการวิเคราะห์ได้เฉียบเท่า BLOK
  • GFIN : ชื่อเต็มคือ "Goldman Sachs Finance Reimagined" แน่นอนว่านี่เป็นของ Goldman Sachs ซึ่งเชี่ยวชาญระบบการชำระเงิน จึงเน้นลงทุนบริษัทที่ทำ Blockchain ด้านระบบการชำระเงินโดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากกองทุน BLOK ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่อง Payment เท่า Goldman Sachs

ใช้งาน MetaTrader 5 และเปิดบัญชีทดลองฟรี!

  • เปิดบัญชี Demo ได้ฟรี และเปิดใหม่ได้เรื่อย ๆ หากบัญชีหมดอายุ
  • เทรดตลาด Commodity สำคัญ ๆ ได้ครบทุกตัว ทองคำ, น้ำมัน, แร่ธรรมชาติ ฯลฯ
  • ฝึกลงทุนแบบนักลงทุน VI ด้วยพันธบัตรและกองทุน ETF ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ARK, iShare, SPDR

การเปิดบัญชีกับ Admirals นั้นสะดวกรวดเร็วมาก ๆ คุณเพียงกรอกแค่ชื่อกับอีเมลเท่านั้น คุณก็จะได้รับอีเมลรหัสสำหรับการเข้าเทรด และลิงค์สำหรับดาวน์โหลดโปรแกรมเทรด คลิกเปิดบัญชีที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ได้เลย

บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อการวิเคราะห์:

สื่อ, สารสนเทศที่ได้นำเสนอมีรายละเอียดที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ การประเมินผลลัพธ์ การคาดการณ์และการพยากรณ์รายเดือนหรือรายสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะของข้อมูลในรูปแบบเดียวกัน (ต่อไปจะเรียกว่า "การวิเคราะห์") ซึ่งได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ Admirals SC Ltd. ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและพิจารณาข้อควรระวังดังต่อไปนี้

  • นี่คือการสื่อสารทางการตลาด การวิเคราะห์ที่ถูกเผยแพร่ไปนั้น มีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็นข้อเสนอแนะหรือคำแนะนำทางด้านการลงทุน ไม่ได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความเป็นอิสระของการวิจัยการลงทุน (Independence of Investment Research) และไม่อยู่ภายใต้ข้อห้ามใด ๆ ในการจัดการก่อนการเผยแพร่การวิจัยการลงทุน
  • การตัดสินใจลงทุนใดๆ ของลูกค้า เป็นการตัดสินใจแต่โดยลำพังของลูกค้าเอง ซึ่ง Admirals SC Ltd.จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นผลจาก "การวิเคราะห์" หรือไม่ก็ตาม
  • ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าของเราและความเที่ยงธรรมของการวิเคราะห์ Admirals SC Ltd ได้กำหนดกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องสำหรับการป้องกันและจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์
  • การวิเคราะห์จัดทำโดยนักวิเคราะห์อิสระ (นักวิเคราะห์) (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้เขียน") เนื้อหาเป็นไปตามการประมาณการณ์ส่วนบุคคลของพวกเขา
  • ในขณะที่ใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้แน่ใจว่า แหล่งที่มาของเนื้อหาทั้งหมดมีความน่าเชื่อถือและมีการนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในลักษณะที่เข้าใจได้ทันเวลา แม่นยำและครบถ้วนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Admirals SC Ltd ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของ ข้อมูลใด ๆ ที่อยู่ในการวิเคราะห์
  • ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาหรือแบบจำลองใด ๆ ในอดีตของเครื่องมือทางการเงินที่ระบุไว้ในเนื้อหา ไม่ควรถูกตีความว่าเป็นการรับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยโดย Admirals SC Ltd สำหรับผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นในอนาคต มูลค่าของตราสารทางการเงินอาจเพิ่มขึ้นและลดลง ไม่มีการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ (รวมถึงสัญญาสำหรับความแตกต่าง; CFD) เป็นลักษณะของการเก็งกำไรและอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียหรือกำไร ก่อนที่คุณจะเริ่มการซื้อขายโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้
TOP ARTICLES
Litecoin คือ : รู้จักและเข้าใจก่อนเทรดเหรียญ LTC
Litecoin (ไลท์คอยน์) หรือที่ใครหลายคนเรียกว่าเหรียญ LTC ซึ่ง Lite Coin คือ หนึ่งในสกุลเงินดิจิตอลแรกๆ ที่เข้าสู่ตลาด โดยเปิดตั้ง ตั้งแต่การเริ่มต้นของเหรียญดิจิตอล (Cryptocurrency) ที่บางครั้งก็เป็นที่รู้จักในส่วนหนึ่งของ Decentralization (ระบบของ Blockchain ที่ไม่ต้องผ่านตัวกลาง)ในบทความนี้ นอกจากเ...
Solana คืออะไร : และเหรียญ Sol Coin น่าลงทุนหรือไม่?
เราจะสร้างเครือข่าย Blockchain ที่รวดเร็ว กระจายอำนาจ และปลอดภัยได้อย่างไร? Solana พยายามทำสิ่งนี้และรวบรวมทุกอย่างไว้ในเครือข่ายเดียวกัน และด้วย"กลไกฉันทามติ" ที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของ Solana ทำให้เครือข่าย Solana ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วSolana คืออะไร? จึงกลายเป็นคำถามที่ถูกผุดขึ้นมาตลอ...
เทรดคริปโต ทุกเรื่องที่ควรรู้สำหรับนักเทรดคริปโต
คุณรู้จักและเข้าใจในเรื่องเทรดคริปโตหรือสกุลเงินดิจิตอลมากแค่ไหน กล่าวได้ว่าการเทรดคริปโต (Cryptocurrency) หรือสกุลเงินดิจิตอลได้กลายเป็นจุดสนใจหลักของโลกการเงินอย่างมากในปัจจุบันในการเทรดคริปโตนั้นมีมาตรฐานไม่ต่างจากการเทรดตราสารอื่นๆ แต่ตลาดคริปโตก็เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง นักเทรดคริปโตจึงต้องรู...
ดูทั้งหมด